ตัวอย่างร้านค้าออนไลน์ 
 ตัวอย่างเวปขายตรง 
สาระธรรม
Live Online

รับทำเวปไซด์ ทุกประเภท ราคาถูก รวดเร็ว เช่น เวปขายตรง เวปขายสินค้าออนไลน์ ร้านค้าออนไลน์ (E-Commerce Shopping cart)

สอบถามข้อมูลได้ที่ โทรศัพท์ 081-815-8823 ติดต่อคุณซี [นันทวัฒน์]
Mail Email : ezia_nop@yahoo.com
ไลน์Line : pzee

บทความใน ศิลาจารึก ณ สวนมฤคทายวัณ ประเทศอินเดีย ได้จารึกไว้ว่า เมื่อครั้งที่พระพุทธเจ้า ดำรงพระชนฆ์อยู่ ได้ตรัสแก่พระอานนท์ว่า

"ดูก่อนอานนท์ เมื่อศาสนาตถาคต ล่วงเลยไปถึงถึ่งพุทธกาล สัตว์โลกทั้งหลายที่เกิดในยุคนั้น จะพบกับความลำบากทุกชาติทุกศาสนา ตามธรรมชาติอันหมุนเวียนไปของโลก ที่หมุนไปใกล้ความแตกทำลาย มนุษย์ และสัตว์จะได้รับภัยพิบัติสารพัด ทั่วทิศ คนในสมัยนั้นจะมีนิสัยโหด ดุจกำเนิดจากสัตว์ป่า อำมหิต จะรบลาฆ่าฟันกันถึงเลือดนองแผ่นดินแผ่นน้ำ ส่วนเวไนยสัตว์ผู้ขวนขวายในกุศล ก็จะระงับร้อนไม่รุนแรง บ้านเมืองใดมีความยำเกรงในพระรัตนตรัย และคุณบิดารมารดา เหตุร้ายภัยพิบัติจักเบาบาง แต่ก็จะหนีกฏตามธรรมชาติไม่พ้น ลูกไฟจะตกจากฟ้าเป็นเพลิงผลาญ (น่าจะหมายถึงพวกจรวดทำลาย หรือ อาวุธที่ใช้ยิงกันในอากาศ) เหล็กกล้าจะทะยานจากน้ำ (ในสมัยนี้ ก็คงหมายถึง เรือรบ หรือ เรือดำน้ำ) มหาสมุทรจะชอกช้ำ สงครามจะเกิดทั่วทิศ ศึกจะติดเมือง ทหารจะเป็นเจ้า ข้าวจะขาดแคลน ทั่วแคว้นจะอดอยาก ผู้เป็นใหญ่มีอำนาจจะเรียกแมลงเหล็กนับแสนตัว (คงจะเป็นเครื่องบินรบ) มาปล่อยไข่เป็นไฟผลาญ หินยักษ์ที่ถูกสาปมาเป็นเวลานาน จะตื่นขึ้นมาอาละวาด (ภูเขาไฟ) ดินฟ้าอากาศจะแปรปรวน ตลิ่งจะพัง แผ่นดินจะถล่มเป็นทะเล โลกมนุษย์จะดิ่งสู่ความหายนะ ศาสนาของตถาคตจะเสื่อมลงมาก เพราะเพุทธบริษัทไม่ตั้งอยู่ในธรรม ไม่เคารพหลักธรรม คนที่ประจบสอพลอจะได้รับความเชื่อถือในสังคม ผู้มีศีลธรรมประพฤติชอบกลับไม่มีใครเคารพยำเกรง"

"พระธรรมจะเริ่มแปล่งแสงรัศมี ฉายส่องโลกอีกวาระหนึ่ง ก็ต่อเมื่อ มีธรรมิกราชโพธิณาณบังเกิดขึ้น (หากท่านศึกษาต่อไปท่านจะทราบว่า หมายถึง พระศรีอริยเมตไตรโพธิสัตว์) ซึ่งอยู่ในความอุปถัมป์ของพระเถระผู้ทรงฤทธิ์ทั้งสองพระองค์สถิตย์ ณ เบื้องตะวันออกของมัชฌิมประเทศ จะเสด็จมาเสริมสร้างศาสนาของตถาคตให้รุ่งเรืองสืบต่อไปถึง 5000 พระวรรษา ดูก่อนอานนท์ เวลานั้นพลโลกจะเหลือน้อย คำทำนายของตถาคตนี้ ย่อมยังให้เวไนยสัตว์ตั้งอยู่ในความไม่ประมาท ผู้ใดล่วงรู้แล้วไม่เชื่อ ถือว่าเป็นกรรมของสัตว์โลกที่ต้องสิ้นสูญไปตามกรรมชีวาของตน ผู้ใดปรารถนารอดพ้นจากภัยพิบัติ ให้รักษาศิลห้าประการ เจริญเมตตาภาวนา ประกอบสัมมาอาชีพ มีใจสันโดดรู้จักพอ ไม่โป้ปดคตโกง ไม่หลงมัวเมาอำนาจและลาภยศ ตั้งใจปฏิบัติ ประพฤติตามคำสอน จึงจะพ้นอันตรายในยุคกึ่งพุทธกาล" คำทำนายนี้ยังมีปรากฏ ในหนังสือ "ศาสนาอยู่ที่ไหน" หน้า 173 ของหลวงตามหาบัว ญาณสัมปันโน

เบญจธรรม คือ คุณธรรมสามัญ 5 ประการของมนุษย์ เป็นหลักธรรมที่มนุษย์ทุกคนต้องมี ประกอบด้วย

  1. เมตตาธรรม - ให้ทุกชีวิตมีความสุข พ้นจากทุกข์ทั้งปวง ภาษาจีนคือ เหยิน
  2. มโนธรรม - ไม่ทำความเดือนร้อนให้ผู้อื่น ไม่เบียดเบียนผู้อื่น ภาษาจีนคือ อี้
  3. จริยธรรม - มีการสำรวจทาง กาย วาจา ใจ ให้อยู่ในความถูกต้องดีงาน ภาษาจีนคือ หลี่
  4. ปัญญาธรรม - มีปัญญาความรู้ที่สามารถนำพาต้นเองให้พ้นทุกข์จากการเวียนว่ายตายเกิด ภาษาจีนคือ จื้อ
  5. สัตยธรรม - มีความซื่อสัตย์ ความเคารพอย่างจริงใจ ต่อฟ้าดิน ต่อตนเอง ต่อคนทั้งหลาย ภาษาจีนคือ ซิ่น
หากพิจารณาให้ดี ๆ แล้ว หลักเบญจธรรมนี้ ก็คือ ศีลห้าในพุทธศาสนาเรานี้เอง เมตตาธรรมคือศีลข้อที่หนึ่ง มโนธรรมคือศีลข้อที่สอง จริยธรรมคือศีลข้อที่สาม สัตยธรรมคือศีลข้อที่สี่ และ ปัญญาธรรมคือศีลข้อที่ห้า

คุณธรรมสัมพันธ์ห้า เป็นหลักธรรมความสัมพันธ์ระหว่างมนุษย์ มี 5 ประการ ประกอบด้วย

  1. บิดา(มารดา)-บุตร เป็นหลักธรรมความสัมพันธ์ระหว่างพ่อแม่ กับ ลูก คือผู้เป็นพ่อแม่ต้องเลี้ยงดูบุตรด้วยความเมตตา และบตุรต้องมีความกตัญญูต่อบิดามารดา
  2. สามี-ภรรยา เป็นหลักธรรมความสัมพันธ์ระหว่างผู้เป็นสามี กับ ภรรยา คือสามีต้องอนุเคราะห์ให้เกียรติภรรยา และ ภรรยาต้องให้ความเคารพซื่อสัตย์ต่อสามี
  3. พี่-น้อง เป็นหลักธรรมความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้อง คือพี่น้องต้องมีความรักใคร่ปรองดอง ให้ความเอื้อเฟื้อ ช่วยเหลือซึ่งกันและกัน
  4. เพื่อน-เพื่อน เป็นหลักธรรมความสัมพันธ์ระหว่างเพื่อนด้วยกัน คือเพื่อนต้องมีสัจจะต่อกัน
  5. กษัตริย์-ขุนนาง หรือ ผู้บังคับบัญชา-ลูกน้อง คือผู้ใต้บังคับบัญชาต้องเชื่อฟังผู้บังคับบัญชา และ ต้องปฏิบัติตามผู้บังคับบัญชา ส่วนผู้บังคับบัญชาต้องมีความเป็นธรรมต่อผู้อยู่ใต้บังคับบัญชา

คุณธรรมแปด เป็นหลักคุณธรรมที่จะทำให้สังคมมีความร่มเย็นเป็นสุข มี 8 ประการ ประกาอบด้วย

  1. ความกตัญญูกตเวที
  2. ความสามัคคีปรองดอง
  3. ความจงรักภัคดี
  4. การมีสัจจะวาจา
  5. การมีจริยธรรม
  6. ความซื่อสัตย์
  7. ความบริสุทธิ์ทั้งกาย วาจา ใจ
  8. ความละอายต่อบาป และเกรงกลัวต่อบาป
เพลงพระโอวาทสิ่งศักดิ์สิทธิ์
ประทานโดย : สงฆ์จี้กงวิปลาส   ทำนอง : เก็บรักไว้ที่ปลายรุ้ง
ศิลาดลบนแผ่นหินจารึก ณ วัดเจ็ดอริยะซันซี
มีอักษรคำทำนายโบราณนี้ กำหนดยุคตรีถ่ายทอดธรรมา
กษัตริย์ฝูซี เริ่มต้นรับธรรม เทียนเจินเป็นผู้เก็บงานกัปปลาย
ริมเขื่อนแม่น้ำเหลืองพังทลายไหล ปรากฏไว้ชัดศิลาจารึกฟ้า
*ประจักษ์ถึงหลักฐานพลัน ยืนยันถึงพงศาธรรม
มีโองการฟ้าแท้จริง หลักธรรมแท้จริงสืบสาน
พระวิสุทธิอาจารย์ รู้แจ้งสนองบัญชา ประจักษ์หลักฐานทางฟ้า
อนุตตราแยบยลแท้นั่น
เชื่อมั่นศรัทธา ศิลาจารึกสำคัญ ศึกษายืนยัน
ไขความกระจ่างชัดเจน เหตุการณ์บุคคล มหันตภัยแลเห็น
ศรัทธาบำเพ็ญธรรมจริงไม่คลางแคลงใจ
ประทานเนื่องในโอกาสประชุมธรรม 2 วัน ณ ไท่เจียฝอเอวี้ยน จ.สระบุรี
วันเสาร์ที่ 3 กันยายน พ.ศ.2554

กินเจดีอย่างไร และ ทำไมต้องกินเจ [ 齋 ]
แนะนำวีดีโอการกินเจ ต่างกันในกาย คุณลำไยชวนทานเจ กินเจกันเถิด

บทความต่อไปนี้ เป็นเพียงความคิดเห็นของข้าพเจ้า มิได้มีเจตนาหรือความประสงค์ใด ๆ ให้เกิดความขัดแย้ง กับ ผู้ที่ทานเจ หรือ ไม่ท่านเจ แต่อย่างใด

ผู้คนส่วนใหญ่ อาจจะกล่าวได้ว่า เกือบร้อยเปอร์เซ็น เคยทานเนื้อสัตว์กันมาแล้วทั้งนั้น เพราะถูกหัดให้กินเนื้อสัตว์กันมาตั้งแต่ยังเป็นเด็กตัวเล็ก ๆ หากมีใครตั้งคำถามว่า ทำไมเราถึงกินเนื้อสัตว์ คำตอบที่จะได้ยินก็คือ เพราะ สัตว์เป็นอาหารของมนุษย์ แต่หากลองมาคิด ๆ กันสักนิด ก็เป็นเรื่องที่แปลกเหมือนกัน ในปัจจุบันมีคนอยู่ไม่น้อยเช่นเดียวกัน ที่หันมากิน อาหารจำพวกมังสะวิรัส (คือ อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์) หนำซ้ำ ก็มีหลาย ๆ คน ที่หันมากินอาหารเจบริสุทธิ์ (ต่างจากมังสะวิรัส คือ อาหารเจ จะไม่มีส่วนผสมของผักฉุน (คือ ผักที่มีอันตรายต่อผู้ที่ทานเจบริสุทธิ์) ห้าชนิด คือ กระเทียม หอม รวมถึงต้นหอมด้วยนะครับ กุ้ยฉ่าย กระเทียมโทน และ ใบยาสูบ รวมถึงห้ามสูบบุหรี่ด้วยครับ หากเคร่งหน่อย จะไม่ทานไข่ด้วยครับ) แต่คนจำพวกนี้ เขาก็ยังอยู่กันได้แบบปกติสุข แถมยังมีสุขภาพ และ ผิวพรรณ สีหน้าที่ดีอีกด้วย ที่เป็นเช่นอาจเป็นด้วยเหตุที่เนื้อสัตว์ที่เรานำมารับประทานนั้น ส่วนใหญ่จะมีการฉีดยาเพื่อเร่งให้มีการเจริญเติบโต ทำให้มีสารเหล่านี้ตกค้างอยู่ในเนื้อ หรือ เส้นเลือดฝอยของสัตว์ ทำให้เกิดเป็นอัตรายกับผู้ที่ทานเนื้อสัตว์เป็นอาหาร และ ยังมีการฉีดสารกันเสีย หรือ สารกันเน่าเข้าไปในเนื้อสัตว์อีกด้วย ในบางครั้งอาจมีการนำเนื้อสัตว์ไปแช่ไว้ในสารเหล่านี้ ประกอบกับ เป็นเรื่องที่แน่นอนที่สุด สัตว์แต่ละตัวก็รักชีวิตของตน ในขณะที่กำลังจะถูกฆ่า ตัวเขาเองก็ต้อง พยายาม จะขัดขืน หรือ หลบหลีก จากการที่ต้องเป็นผู้ถูกประหาร หรือ ถูกทำร้าย ประกอบกับความตกใจกลัวในขณะนั้น สัตว์เหล่านี้จะหลั่งสารชนิดหนึ่ง เป็นฮอร์โมนที่เรียกว่า "แอด-ดรี-นา-รีน" สารตัวนี้จะหลั่งออกมา ในขณะที่เกิดภาวะตกใจสุดขีด มีอารมณ์โกรธ หรือ กลัวสุดขีด หรือ ในภาวะที่ต้องเอาตัวรอด ซึ่งในมนุษย์ก็มีการหลั่งสารตัวนี้เหมือนกัน และ สารตัวนี้จะถูกขับออกมาทางเหงื่อ หรือ ทางปัสสาวะ เมื่อภาวะของอารมณ์ ที่ว่ามานี้หายไป แต่เมื่อสัตว์เหล่านี้กำลังจะตายลงในอีกไม่กี่วินาทีข้างหน้าแล้ว สารเหล่านี้จะไปไหนละครับ แน่นอนที่สุด มันยังตกค้างอยู่ในเนื้อสัตว์อย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้ แล้วถ้าเรากินเข้าไปล่ะ โอ้พระเจ้า มันก็คือสารพิษนั่นเองแหละครับ น่าอร่อยไหมล่ะครับ หารู้ไม่ว่าผู้ที่ทานเนื้อสัตว์ เขากำลังฆ่าตัวเองทีละน้อย แล้วสารแอดดรีนารีน มีผลกระทบต่อร่างกายอย่างไรล่ะครับ สารตัวนี้หากไม่ได้ถูกขับออกมา จะส่งผลให้ร่างกาย เขียว แข็ง อืด บวม สังเกตดูดี ๆ นะครับ ผู้ที่กินเนื้อสัตว์มาก ๆ จะมีสภาพของร่ายกาย คล้าย ๆ หรือ ดูเหมือนกับ อ้วน ๆ อืด ๆ บวม ๆ จึงต้องมีการกินผักเข้าไปด้วย เพื่อไปให้ผักหรือไฟเบอร์ไปช่วยดูดซับสารตัวนี้ออกไปด้วยไงล่ะครับ (ลองสังเกตดูการปรุงอาหารด้วยเนื้อสัตว์ส่วนใหญ่แล้วจะมีการนำผักไปผสมอยู่ด้วย) คน หรือ สัตว์ ก็เช่นเดียวกัน ในตอนที่ใกล้ ๆ จะตาย จะมีอาการกลัวสุดขีดอยู่ขณะหนึ่ง ก็จะมีการหลังสาร แอดดรีนารี ออกมาเหมือนกัน จึงทำให้สภาพของศพ อืด บวม แข็ง ในอีกไม่ช้า

เป็นเรื่องที่น่าประหลาดใจไม่น้อยเลยทีเดียว และหากคิดให้มากไปอีกนิด ตอนที่เป็นเด็กทารก นอกจากจะได้น้ำนมเป็นอาหารแล้ว ยังมีการป้อน กล้วยบด ละเอียด ให้เด็กทารกหัดกินด้วย เหตุใดจึงไม่ป้อนเนื้อบดละเอียดให้เด็กทารกด้วย แล้วคำที่พูดว่า สัตว์เป็นอาหารของมนุษย์มันจะเป็นจริง ถึงขนาดที่ไม่กินเนื้อแล้วมนุษย์จะขาดสารอาหาร แล้วมีสุขภาพอ่อนแอ มันจริงแท้แน่หรือ

ตัวข้าพเจ้าเอง ก็เป็นบุคคลหนึ่งที่หันมาทานอาหารเจบริสุทธิ์ ตอนนี้ก็เข้าไปที่เก้าแล้ว สภาพร่างกายก็ไม่มีอะไรผิดปกติ แถมยังรู้สึกสบายกาย สบายใจ มีความสดชื่น การขับถ่ายก็ปกติดีทุกอย่าง อาหารที่ปราศจากเนื้อสัตว์ถือว่าเป็นอาหารที่มีผลดีต่อสุขภาพของร่างกาย เนื่องจากมีไฟเบอร์ที่ช่วยในการทำความสะอาดให้ลำไส้ใหญ่ ดูซับไขมันส่วนเกินที่ติดค้างในลำไส้ใหญ่ ทำให้การขับถ่ายอุจจาระสะดวกขึ้น ลดอาการเกิดของโรคริดสีดวงทวาร การทานอาหารเจ ควรอย่างยิ่งต้องทานผลไม้ควบคู่ไปด้วย สารอาหารในผัก และ ผลไม้ จะมีตัวต้านอนุมูลอิสระ ซึ่งเป็นสาเหตุของการเกิดโรคมะเร็ง ดังนี้ผู้ที่ทานอาหารเจ จะมีอัตราเสี่ยงของการเป็นโรคร้ายต่าง ๆ เช่น โรคมะเร็ง โรคเบาหวาน โรคความดันโลหิต โรคไขข้อกระดูก โรคภูมิแพ้ หวัด ฯลฯ น้อยกว่าผู้ที่ทานเนื้อสัตว์

ในศาสนาพุทธ กล่าวไว้ว่า สัตว์โลกย่อมเป็นไปตามกรรม [กัมมุนา วัตตติโลโก] กรรม คือ การกระทำ ผู้ใดกระทำการใด ย่อมได้รับผลสนอง อันเป็นผลจาก การกระทำนั้นของตน และ มีความเชื่อว่า หากมนุษย์ผู้ใดกระทำกรรมไม่ดี หรือ กรรมชั่วไว้ในขณะที่มีชีวิตอยู่ในโลกมนุษย์ เมื่อจบชีวิตลงแล้ว วิญญาณจะถูกนำตัวไปลงโทษในแดนนรก ตามเหตุแห่งผลกรรมที่ตนได้สร้างไว้ในโลกมนุษย์ เมื่อใช้กรรมในนรกภูมิ ตามขุมแห่งบาปของตนจนหมดแต่ละขุมแล้ว จะต้องมาชดใช้บาปของตนในโลกมนุษย์อีก โดยจะได้กายสังขารเป็น สัตว์เดรัจฉาน ดังนี้แล้ว วิญญาณที่อยู่ในกายของสัตว์เดรัจฉานแต่ละตัว หากคิดให้ดี ๆ แล้ว ก็คือ วิญญาณของมนุษย์ ที่อย่างน้อยครั้้งหนึ่งเคยได้กายสังขารของคน แต่ได้ประพฤติกรรมชั่วไว้จนเป็นเหตุให้ ได้เกิดกายเป็นสัตว์ ในอีกชาติภพหนึ่ง ซึ่งก็ไม่แน่ว่าวิญญาณตนนั้นอาจเป็นวิญญาณของคนที่เราเคยรู้จักกันมาก่อน เช่น เพื่อนเรา ญาติเรา หรือ อย่างน้อย ก็คือ เพื่อนร่วมโลกของเราก็ได้ ดังนี้ผู้ที่ทานเนื้อสัตว์ ก็อาจจะกล่าวได้ว่า เราได้กินเนื้อหนังของ เพื่อนเรา ญาติเรา หรือ ไม่ก็ได้กินเนื้อหนังของเพื่อร่วมโลกของเรา ในขณะที่เขากำลังชดใช้กรรมบาปของเขาอยู่อย่างลำบาก อันนี้เขาว่าไว้ ว่าเป็นเหตุแห่งการเกี่ยวกรรม ข้ามภพข้ามชาติอย่างไม่รู้จบเลยทีเดียว

ดังนั้น ผู้ที่หันมาทานเจ คือ ผู้ที่หยุดการเกี่ยวกรรมทางปาก หรือ อาจพูดได้ง่าย ๆ ว่า เป็นการปล่อยสัตว์ในช่วงที่ทานเจ จึงมีคำกล่าวว่า "หนึ่งมือกินเจ หมื่น ๆ ชีวิตรอดตาย"

อนิสงฆ์จากการกินเจ
1. เป็นที่รักใคร่ของบรรดาเทพ พรหม ตลอดจนมนุษย์และสัตว์ทั้งหลาย
2. จิตอันเป็นมหาเมตตาย่อมบังเกิด
3. สามารถตัดขาดความอาฆาต ดับอารมณ์เหี้ยมโหด เครียดแค้นในใจลงได้
4. ปราศจากโรคภัยร้ายแรงมาเบียดเบียนร่างกาย
5. มีอายุมั่นขวัญยืน
6. ได้รับการปกป้องคุ้มครองจากวัชรเทพทั้งแปด
7. ยามหลับนิมิตรเห็นแต่สิงที่ดีงามเป็นศิริมงคล
8. ย่อมระงับการาจองเวร สลายความอาฆาตแค้นซึ่งกันและกัน
9. สามารถดำรงอยู่ในกระแสเห่งพระนิพพาน ไม่พลัดหลงตกลงสู่อบายภูมิ
10. ทันทีที่ละสังขารจากโลกนี้ จิตญาณจะมุ่งสู่สุคติภพ

แล้วกินเจได้อะไร หากคุณไม่กินเจคุณก็จะไม่รู้หลอกครับ คำตอบ คือ ได้ในสิ่งที่ คนไม่กินเจไม่ได้ครับ คำตอบเชิงซ้อนนะครับ คือ กินเจได้อย่างเดียว

อร่อยลิ้น ยินดีเหลือ เพื่อรสปาก ถึงกับพราก ชีวิตเขา เศร้าใจไหม
กว่าจะรู้ ว่าบาปกรรม ทำเท่าไร ต้องลงไป ชดใช้กรรม ให้จำทน
จึงต้องเร่ง บำเพ็ญ เช่นพุทธะ อีกต้องละ ชีวิตเขา เอากุศล
เปิดจิตเมตตา ให้สว่าง กลางกมล เพื่อหลุดพ้น การเวียนว่าย ได้นิพพาน


ตัว อักษรจีน 齋 (เจ) - แทนคำนับพัน



อักษรจีนตัวนี้ ก็ไม่แตกต่างจากตัวอักษรจีนอื่นๆ ที่มีความหมายเชิงจินตภาพ นามธรรม (ภาพ - ASTV มุมจีน)
       ตัวอักษรภาษาจีนนับ เป็นสมบัติอันล้ำเลิศทางวัฒนธรรมของแดนมังกร นับเป็นประดิษฐ์กรรมอันยิ่งใหญ่ที่ห้าของจีน นอกเหนือไปจากสิ่งประดิษฐ์อันยิ่งใหญ่ทั้งสี่ (จตุรประดิษฐ์) เข็มทิศ ดินปืน กระดาษ และการพิมพ์
      
       การขีดเขียนอักษรจีนแต่ละเส้นซึ่งผ่านการออกแบบมาอย่างลึกซึ้ง จึงเปรียบเสมือนการสัมผัสกับภูมิปัญญาที่ส่งทอดมาจากบรรพบุรุษ คราวนี้จะต่างกันเพียงแต่ว่า ผู้คนจะสามารถถอดรหัสที่แฝงอยู่ในเส้นสายอักษรต่างๆ นั้นได้เพียงใด
      
       และหากภาพหนึ่งภาพ แทนคำนับพัน อักษรจีน " 齋 - เจ" ก็ไม่แตกต่างจากตัวอักษรจีนอื่นๆ ที่มีความหมายเชิงจินตภาพ นามธรรมด้วย โดยบรรดาผู้เชี่ยวชาญอักษรจีน ได้ทำการตีความเชื่อมโยงความหมายเชิงธรรมะ อธิบาย ตัว “เจ” 齋 ว่ามีส่วนประกอบมาจากตัวอักษร ฉี (齊) ซึ่งแปลว่าบริบูรณ์ , เรียบร้อย กับตัวอักษร ซื (示) (อันมีตัว เสี่ยว/ซิม (小) "ใจ" อยู่ด้วย) แปลว่าสักการะ เมื่อวางไว้ตรงกลางของตัวฉี จึงเป็นตัวอักษร "เจ" (齋) ที่มีความหมายรวมว่าการรักษาความบริสุทธิ์ (ทั้งกาย  วาจาและใจ) หรือการปฏิบัติธรรมบูชาถวายพระรัตนตรัย นอกจากนั้น "เส้น/ขีด" ปลีกย่อยทั้งหลาย ในตัวอักษรฯ ยังมีความหมายประกอบ เชิงอุปมาไปสู่การปฏิบัติธรรมทั้งสิ้น
      
   ขอนำรหัสธรรมของบรรพบุรุษจีนผู้ออกแบบตัวอักษร "เจ" (齋) มาถ่ายทอดอีกครั้ง ณ โอกาสนี้




จุด"หนึ่ง"
 เปรียบดังผู้ปฎิบัติต้องหมั่นบำเพ็ญศีล สมาธิ ปัญญา
ไต่ระดับจากล่างขึ้นมาบนจนพบภาวะ"จิตหนึ่ง" พบจิตเดิมแท้ของตนเอง
พบสภาวะที่ ไม่มีการมาและการไป ไม่มีการแบ่งแยกต่อสิ่งใดๆ
 เปิดสู่ภาวะของการหลุดพ้น

      




"หนึ่งขีด" - เปรียบดุจดังคนเราตัดสินใจก้าวขึ้นสู่เรือธรรม การตั้งใจบำเพ็ญ ทาน ศีล ภาวนา
จะพาให้หลุดพ้นไม่เวียนว่ายทั้ง 3 ภพ



      

"เข้าใจ" -อักษรรูปลักษณ์คล้ายตัว y
เมื่อ รู้แจ้งเห็นจริงใน"สัจธรรม"แล้วจึงหมดสิ้นกิเลส ความทะยานอยาก วิตก ไม่ทุกข์ร้อนรนต่อกามกิเลสอีกต่อไป
      



"มีดซ้าย"  จะเห็นรูปนะครับคล้ายๆปังตอหรือมีดอีโต้จริงๆ

- แสดงถึงการตัดขาดอารมณ์ 7 ได้แก่ ความปิติยินดี ความโกรธ ความเศร้าเสียใจ ความกลัว ความรัก-ใคร่หลงใหล ความเกรี้ยวกราดเคียดแค้น ความอาลัยยึดติดต่อสิ่งต่างๆทางโลก


      

มีดขวา" - ขจัดตัณหา ผัสสะทั้ง 6 อันได้แก่ หลงรูป ทาง"ตา" หลงใหลเสียงที่ได้ยินทาง "หู" หลงกลิ่นทาง"จมูก" หลงสัมผัส ทาง"กาย" หลงรสทาง "ลิ้น" หลงความปรุงแต่งทางความคิด"ใจ" จนขาดสติสัมปชัญญะ ที่เราควรจะมีตลอดเวลาเพราะสติมีคุณต่อที่ทุกสถาน ต่อกาลทุกเมื่อ


      

1 ขีดขึ้น "สวรรค์" - ตลอดเส้นทางชีวิต มีทางไปอยู่ 2 ทางให้เลือก ระหว่างทางสูงซึ่งต้องเพียรปีนป่ายหากทำได้ก็ได้ขึ้นสวรรค์ กับทางต่ำ ที่เพียงปล่อยใจก็ไถลจม


      

1 ขีดลง "นรก" - ตลอดเส้นทางชีวิต มีทางไปอยู่ 2 ทางให้เลือก ระหว่างทางสูงซึ่งต้องเพียรปีนป่าย
 กับทางต่ำ ที่ หากเราเผลอไผลทำสิ่งไม่ดีประตูนรกก็เปิดให้เราทุกเมื่อ
สะท้อนให้ผู้ปฎิบัติหมั่นทบทวนความประพฤติของตนให้ดี  อย่าได้เผลอไผลทำสิ่งผิดศีลธรรม
      


เปรียบด้วยหนึ่งขีดประดุจศีลที่เป็นคานผลักดันชีวิตเราให้ก้าวไปในเส้นทางของการทำความดี    

เปรียบดังมนุษย์เราต้องพากเพียรก้าวยกระดับจิตวิญญาณขึ้นไปเรื่อยๆไม่ปล่อยใจให้ใหลหลงต่อกิเลส
พากเพียรละบาป ทำบุญกุศลเรื่อยไป



อีกขีดด้านบนเปรียบกับ
ความเพียรที่จะ ก้าวยกระดับจิตวิญญาณขึ้นไปเรื่อยๆสู่ สวรรค์นิพพานด้วยความมุ่งมั่น
แม้เพิ่งเริ่มต้นก็มิต้องท้อใจ

      

"เล็ก" (เสี่ยว) เป็นคำเดียวกับ "ใจ"(ซิม)
 หมายถึงเพียรรักษาสติสัมปชัญญะ ระมัด ระวัง รู้เท่าทันรายละเอียดทุกสิ่งอย่างที่เข้ามากระทบทวารทั้ง 3
ทั้ง มโนกรรม วจีกรรม กายกรรม (ความคิด คำพูด และการกระทำ)
รักษาความประพฤติให้อยู่ในธรรมได้ตลอดเวลา อย่างมีสติรู้เท่าทันตนเอง
      
อ่านต่อ...